Logo Design คือ การ ออกแบบโลโก้ หรือตราสินค้า ถือเป็นการออกแบบที่สำคัญมากที่สุดสำหรับการออกแบบแบรนด์ เพราะโลโก้หรือตราสินค้าจะมีส่งผลต่อการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) และการจดจำแบรนด์ของลูกค้า
ดังนั้นการ ออกแบบโลโก้ ที่ดี ต้องไม่ใช่แค่ออกแบบสวยอย่างเดียว แต่ต้องมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะดุดตา สร้างการจดจำได้ดี ที่สำคัญคือต้องสามารถสื่อสารคอนเซปท์ของแบรนด์ สะท้อนบุคลิกภาพและตัวตนของแบรนด์ได้อย่างชัดเจนด้วย
สำหรับคนที่กำลังอยู่ระหว่างการสร้างแบรนด์ การออกแบบ Brand CI และกำลังปวดหัว ไม่รู้ว่าจะออกแบบโลโก้อย่างไรดี วันนี้ขวัญมีหลักการ ออกแบบโลโก้ ที่เป็นมาตรฐานสากลมาฝากค่ะ ซึ่งเป็นรูปแบบของงาน Logo Design ที่แบรนด์ใหญ่ๆ แบรนด์ดังๆ ระดับโลก ใช้เป็นหลักใน การออกแบบโลโก้ กัน
หัวข้อ (คลิกเลือกอ่านได้)
Logo Design 9 แบบที่ธุรกิจควรเลือกใช้
1. โลโก้ตัวย่อ (Lettermark Logo)
เป็นลักษณะโลโก้ที่เป็นรูปตัวอักษรที่ย่อจากชื่อเต็มๆ ยาว ๆ ให้เหลือตัวอักษรแค่ไม่กี่ตัว โดยอาจจะมีการออกแบบลักษณะอักษรพิเศษ หรือใส่องค์ประกอบที่ทำให้ตัวอักษรนั้นโดดเด่น แตกต่างจากตัวอักษรทั่ว ๆ ไป เช่น โลโก้ของ สวทช , GTH, Louis Vuitton, BBC NEWS เป็นต้น
2.โลโก้ตัวอักษร (Wordmark Logo)
เป็นโลโก้ที่เน้นการใช้ตัวอักษรเหมือนแบบแรก ต่างกันที่ไม่ใช้เป็นชื่อย่อ แต่นำมาออกแบบเรียงเป็นชื่อแบรนด์เลย การออกแบบลักษณะนี้มีวิธีสร้างการจดจำโดยเลือกรูปแบบของฟ้อนต์หรือตัวอักษรที่นำมาใช้ ที่นอกจากจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์แล้ว ต้องเลือกแบบตัวอักษรที่สะท้อนภาพลักษณ์ บุคลิกภาพของแบรนด์ด้วย
ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ Dior เลือกใช้ฟ้อนต์ที่คลาสสิค สะท้อนความหรูหรายาวนานข้ามกาลเวลา หรือ แบรนด์ Google ที่เลือกใช้ฟ้อนต์สนุกสนานหลากสีสันสะท้อนถึงความแตกต่างหลากหลายของข้อมูลมหาศาลจากทั่วโลกที่มารวมในแพลตฟอร์มเดียวกัน เป็นทั้งสีสันและสาระให้กับผู้ใช้ เป็นต้น
3. โลโก้แบบสัญลักษณ์และกราฟิก (Pictorial Mark / Symbol)
เป็นโลโก้ที่เกิดจากการเอารูปภาพที่เราคุ้นตาอยู่แล้วมาออกแบบใหม่ให้เป็นรูปสัญลักษณ์หรือไอคอนที่จดจำได้ง่ายขึ้น เมื่อเห็นครั้งแรกจะสามารถนึกออกได้ทันทีว่าคือรูปอะไร เช่น Apple, Twitter, Playboy หรือ Foodpanda
4. Logo Design แบบโลโก้เชิงสัญลักษณ์ (Abstract Logo Mark)
โลโก้ประเภทนี้จะเป็นภาพสมมุติที่เกิดจากการเอารูปทรงเรขาคณิตต่างๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ฯลฯ นำมาออกแบบให้เกิดเป็นสัญลักษณ์รูปทรงใหม่ที่แปลกตา หรือ เป็นรูปทรงนามธรรม โดยที่ไม่จำเป็นต้องออกแบบให้คนดูออกหรือเข้าใจในครั้งแรกที่เห็นก็ได้
แต่หลักสำคัญของ Logo Design ประเภทนี้ก็คือ การคุม Mood&Tone ของการออกแบบ ต้องสามารถสื่อสารตัวตน หรือ บุคลิกภาพของแบรนด์ได้ชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น Nike ที่เป็นรูปคล้ายการตวัดสิ่งของหรือวัตถุเร็วๆ ผ่านอากาศไป เห็นโลโก้นี้แล้วเราสามารถนึกไปถึงเสียงการเคลื่อนที่ของวัตถุผ่านอากาศดังฟุ่บ! ฟึ่บ! หรือวู้ป! แบบนี้ได้เลย ซึ่งสื่อถึงจุดเด่นแบรนด์ Nike ที่เป็นรองเท้ากีฬาได้อย่างดีเลย คือ เน้นการเคลื่อนที่รวดเร็วว่องไว
หรืออย่างแบรนด์ adidas ที่มีการ reform หรือปรับรูปแบบโลโก้ไปในปี 1971 และ 1997 แต่ตลอดมาที่มีการปรับโลโก้ adidas ไม่เคยทิ้งลักษณะของรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เรียงต่อกันเป็น 3 ชั้นเลย โดย adidas ต้องการให้ขีด 3 ขีด หรือ สี่เหลี่ยม 3 อันนี้ สื่อถึงขั้นบันได กำแพง และการปรับโฉมล่าสุดคือสื่อถึง ภูเขา เพื่อให้เห็นถึงความท้าทาย ความมุ่งมั่นพยายาม และความกล้าหาญของนักกีฬาที่กล้าก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองเพื่อมุ่งสู่ชัยชนะที่อยู่สูงขึ้นไป
5.มาสคอต (Mascot)
เป็นการออกแบบโลโก้เป็นรูปคนหรือตัวการ์ตูนที่สื่อถึงผู้ก่อตั้งบริษัท เช่น KFC, เถ้าแก่น้อย เป็นต้น หรือบางทีมาสคอตก็อาจจะเป็นรูปตัวการ์ตูนที่สื่อถึงจุดเด่นของแบรนด์หรือเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้จะช่วยสร้างการจดจำได้ดี ต่อให้คนจำชื่อแบรนด์ไม่ได้แต่ก็จะจำรูปมาสคอตได้
อย่างเช่น แบรนด์มิชลินที่ขายยางรถยนต์เลือกที่จะใช้มาสคอต Michelin Man หรือเจ้าตัวห่วงยางมาเป็นโลโก้ให้คนจำสินค้าได้ หรือแบรนด์น้ำยาล้างห้องน้ำ DUCK ที่คนไทยจำชื่อแบรนด์ว่า “เป็ด” ก็เลือกใช้มาสคอตเป็นรูปเป็ดซะเลย จำได้ง่ายดี
6.โลโก้ภาพและตัวอักษร (Combination Mark)
เป็นการผสมผสานรวมกันระหว่างตัวอักษรและรูปภาพในโลโก้เดียวกัน อาจจะจัดวางไว้ข้าง ๆ กัน หรือ บนกับล่าง หรือรวมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวกันเลยก็ได้ เช่น Puma, COACH, Burger King หรือ DUNKIN DONUTS ซึ่งรูปภาพที่นำมาประกอบโลโก้ตัวอักษรจะสื่อถึงได้หลายอย่าง อาทิ สื่อถึงสินค้าที่แบรนด์ขายเช่นแก้วกาแฟในโลโก้เก่าของแบรนด์ Dunkin’ Donuts ที่ต้องการให้รู้ว่าขายกาแฟและโดนัท
ซึ่งตอนนี้ Dunkin’ เองก็มีการรีแบรนด์ปรับโลโก้ใหม่ให้ทันสมัยและขยายไลน์สินค้าโดยได้ตัดแก้วกาแฟ ตัดคำว่า Donuts ออกไป และลดตัวหนังสือลงให้เหลือเป็นแบบ Lettermark เหลือตัวอักษรแค่ 4 ตัว คือ DUNKIN’
ในขณะที่บางแบรนด์มีการลดทอนเอารูปภาพประกอบโลโก้ออกเพื่อขยายธุรกิจและขยายตลาด บางแบรนด์ก็ยังคงรักษารูปแบบโลโก้แนวผสมผสานนี้ไว้อย่างเหนียวแน่นเพราะรูปภาพนั้นมีอิทธิพล สร้างการจดจำได้ดีกว่าชื่อแบรนด์เสียอีก อย่างเช่นแบรนด์ PUMA ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีเจ้าเสือพูม่าอยู่ในโลโก้ เป็นต้น
7. ตรา ( Emblem Logo Design )
เป็นโลโก้แบบตราสัญลักษณ์ที่ทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูปทรงต่าง ๆ อยู่ในกรอบเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน ลักษณะกรอบรอบนอกมีทั้งแบบที่เป็นกรอบสี่เหลี่ยม วงกลม โล่ หรือรูปทรงอื่น ๆ
ยกตัวอย่างเช่น โลโก้ของ Starbucks, Harley Davidson, แม่ประนอม, BMW เป็นต้น การออกแบบโลโก้แบบ Emblem หรือตราสัญลักษณ์มักถูกนำมาใช้ในการออกแบบโลโก้สถาบันต่าง ๆ อาทิ โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, องค์กรทางสังคม, และหน่วยงานของรัฐ
8. โลโก้ภาพเคลื่อนไหว (Animated Logo Design)
เป็นโลโก้ในลักษณะของสื่อเคลื่อนไหว มีการเล่าเรื่องราวของแบรนด์ (story-telling) หรือ สื่อถึงจุดเด่นของแบรนด์ โลโก้เคลื่อนไหวสามารถสร้างความจดจำของผู้บริโภคได้อย่างดี เป็นโลโก้ที่เหมาะกับภาพยนตร์ สื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
ตัวอย่างโลโก้เคลื่อนไหวได้ก็อย่างเช่น แบรนด์ NOKIA ที่เลือกใช้ภาพมือสองมือเคลื่อนที่เข้าหากันเพื่อสื่อถึง Connection หรือการสื่อสารที่เชื่อมโยงคนให้เข้าใกล้กัน แบรนด์ 20th CENTURY FOX ที่มีแสงไฟสาดส่องเหมือนป้ายฮอลลีวู้ด
แบรนด์ที่เห็นชัดที่สุดว่าภาพเคลื่อนไหวสร้างการจดจำได้ดี คือ แบรนด์บริษัทผลิตภาพยนต์ชื่อดัง Metro Goldwyn Mayer ที่เป็นโลโก้สิงโตคำราม ถึงแม้ว่าชื่อแบรนด์จะยาวและจำยาก แต่คอหนังก็ไม่พลาดที่จะจำภาพสิงโตและจำเสียงคำรามได้แม่นยำ
9. โลโก้อักษรตัวเดียว (Letterform Logo)
เป็นโลโก้ที่นำอักษร 1 ตัวจากชื่อแบรนด์มาออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ มีจุดเด่นน่าจดจำ เกิดเป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ขึ้นมา เช่น โลโก้ของ HONDA, Volkswagen, Unilever, Mcdonald เป็นต้น
อย่าลืมกดติดตามข่าวสาร สาระ เรื่องราวดิจิตอล ฉบับเข้าใจง่ายได้ทุกวันที่ STARTUP NOW Facebook Fanpage
อ่านเรื่องการตลาดดิจิตอลเพิ่มเติมได้ที่นี่ บทความการตลาดออนไลน์
อยากดูคลิปความรู้ดิจิตอลฉบับเข้าใจง่ายคลิปอื่น ๆ ไปเยี่ยมชมช่อง YouTube ของ StartUp Now กัน