การตลาดออนไลน์ ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องที่ธุรกิจต่างๆ คงจะมองข้ามไปไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ ที่มีการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว หรือเป็นคนๆหนึ่งที่คิดอยากจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ก็ต้องมาศึกษาและเรียนรู้การทำการตลาดออนไลน์ในที่สุดค่ะ
หัวข้อ (คลิกเลือกอ่านได้)
ทำไมต้องเรียนรู้ช่องทาง การตลาดออนไลน์ ให้เป็นระบบ?
จากการที่ขวัญมีประสบการณ์สอนการทำการตลาดออนไลน์ให้กับบริษัทเอกชนและธุรกิจมาหลายปี ปัญหาแรกที่เจอปัญหาหนึ่งคือ คนส่วนใหญ่จะไม่สามารถมอง การตลาดออนไลน์ อย่างเป็นระบบได้ คือจะเข้าใจว่า การทำ การตลาดออนไลน์ คือแค่เปิดเพจ Facebook แล้วโพสต์ขายของ
จริงๆแล้วนั่นคือช่องทางแค่ช่องทางเดียวในการทำการตลาดออนไลน์ให้เป็นระบบค่ะ ยังมีอีกหลายช่องทางมากๆให้เรียนรู้ ขวัญไม่ได้หมายความว่าการที่เราทำการตลาดช่องทางเดียวแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จนะคะ บางธุรกิจ ขายของออนไลน์ ผ่าน Facebook Fanpage อย่างเดียว หรือขายเฉพาะใน Instagram อย่างเดียว ก็ประสบความสำเร็จ มียอดขายที่ดี มีกำไรที่น่าพอใจได้
แต่หากเราเรียนรู้ช่องทาง การตลาดออนไลน์ อย่างเป็นระบบ ในทุกช่องทางแล้ว ก็จะทำให้ธุรกิจของเราดียิ่งขึ้นไปอีก ขวัญเจอเจ้าของกิจการหลายธุรกิจที่มองว่าการทำ การตลาดออนไลน์ ผ่าน Facebook อย่างดีก็พอ โดยไม่ได้วิเคราะห์ถึงธุรกิจของตัวเองเลยว่าเหมาะกับช่องทางไหน มันมีบางธุรกิจที่เหมาะกับกับช่องทางอื่นมากกว่าและสามารถไปเติบโตได้ที่อื่นนอกเหนือจาก Facebook นะคะ
วันนี้ขวัญเลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่าการทำ การตลาดออนไลน์ ให้ครบวงจรนั้น
- ควรรู้จักช่องทางไหนบ้าง
- แต่ละช่องทางคืออะไร
- มีข้อดีและจุดอ่อนอย่างไร
- จะเลือกอย่างไรให้เข้ากับธุรกิจของตนเอง
- สิ่งที่ต้องเตรียมและทักษะที่ต้องมี ในการเลือกจะทำการตลาดผ่านช่องทางนั้นๆ
แต่ก่อนจะเข้าสู่ช่องทางการตลาดออนไลน์และการวางกลยุทธ์การตลาด อยากให้ลองอ่านบทความนี้ก่อนค่ะ “4 หัวใจสำคัญ ขายของออนไลน์ ให้ปังในโลกยุคออนไลน์” เป็นบทความที่ขวัญเขียนถึงพื้นฐานของการเริ่มต้นทำการตลาดออนไลน์เอาไว้ ก่อนเราจะวางกลยุทธ์การตลาดในแต่ละช่องทาง พื้นฐานธุรกิจและการสร้างแบรนด์ของเราต้องดีก่อน บทความนี้จะรวม Checklist องค์ประกอบสำคัญในการทำ การตลาดออนไลน์ เอาไว้
ช่องทางการทำ การตลาดออนไลน์ (Digital Marketing) ครบวงจร
ช่องทาง การตลาดออนไลน์ ที่นักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจควรรู้จักและนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาแผนสำหรับวางกลยุทธ์การตลาด มีดังต่อไปนี้ค่ะ
1. Social Media Marketing
การทำการตลาดช่องทางนี้ ขวัญเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักกันอยู่แล้ว เป็นการทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านสื่อสังคม Social Media ต่างๆ เช่น
การทำการตลาดผ่านช่องทางนี้มีข้อดีคือ ใช้ทุนในการเริ่มต้นน้อยและไม่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญมากเท่าช่องทางอื่นๆ ใครอยากเริ่มต้นทำ การตลาดออนไลน์ / ขายของออนไลน์ ในยุคนี้ ก็จะเริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชี Facebook Fanpage หรือ Instagram ก่อน จริงมั้ยคะ
ธุรกิจส่วนใหญ่แล้วควรมีช่องทาง Social Media ในการทำการตลาดนะคะ แต่อาจต้องวิเคราะห์ธุรกิจเพิ่มว่า เราจะใช้กลยุทธ์ Social Media อย่างไร
ธุรกิจบางธุรกิจอาจไม่ได้ใช้ Social Media ในการปิดการขาย แต่อาจมีเพื่อสร้าง Brand Awareness ยิงโฆษณาเพื่อให้คนมารู้จักสินค้าและแบรนด์ของเรา หรือยิงโฆษณา Facebook เพื่อนำลูกค้าไปปิดที่ Website หรือ Line@ เป็นต้น
ทักษะที่ควรมี :
- การวางแผนการทำ Content Marketing ผ่าน Social Media ในแฟลตฟอร์มต่างๆ
- การทำรูปกราฟฟิกให้สวยดึงดูดใจ
- การเขียนที่ดี รวมทั้งหมด ทั้งการเลือกเขียนหัวข้อ, เนื้อหา
- การยิงโฆษณาในแต่ละช่องทาง เช่น Facebook Ads, Twitter Ads (ดูความซับซ้อนของการยิงโฆษณา Facebook แบบกำหนดรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายเอง – Facebook Detailed Target Ads ที่บทความนี้ “32 INFOGRAPHIC เจาะลึก กลุ่มเป้าหมายโฆษณา Facebook Ads”)
2. Google Marketing / SEM : Google Ads
ช่องทางการทำการตลาดต่อมาที่คุณควรรู้จักและไม่ควรมองข้ามคือ การทำการตลาดผ่านช่องทาง Google หรือจะเรียกว่าการทำการตลาดแบบ SEM (Search Engine Marketing) คือ การทำให้เว็บไซต์หรือ Facebook Fanpage ของเราก็ได้ ปรากฎขึ้นเมื่อมีคนมาค้นหาคำ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเรานั่นเอง
บางคนเน้นการทำการตลาดผ่าน Social Media มากเกินไป จนละเลยช่องทางนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆค่ะ เพราะอย่าลืมนะคะ การทำการตลาดแบบ Google นี้ เราจะได้ “คนที่ต้องการสินค้าเราจริงๆ” มา เพราะเมื่อเค้าค้นหา = เค้าต้องการสินค้านี้ ณ ขณะนี้แล้ว
คนค้นหา = คนที่มีความต้องการซื้อแล้วค่ะ ซึ่งการตลาดบน Social Media ไม่สามารถทำเจาะจงขนาดนี้ได้
ยังไม่นับว่าบางธุรกิจ หากวิเคราะห์จริงๆ อาจเหมาะกับช่องทาง Google มากกว่าการทำการตลาด Social Media เช่น ธุรกิจขายส่ง, ธุรกิจบริการเฉพาะเจาะจง เช่น บริการรับเหมาก่อสร้าง, ซื้อเครื่องจักรโรงงานขนาดใหญ่ เป็นต้น ทางที่ดี เราต้องวิเคราะห์ง่ายๆด้วยตัวเองก่อนค่ะ ว่าถ้าเราสวมหมวกเป็นลูกค้าของเรา เราจะค้นหาสินค้าของเราผ่าน Facebook หรือ Google กันแน่
หลักๆแล้ว หากอยากทำการตลาดช่องทางนี้ ทางขวัญแนะนำว่าควรมี “เว็บไซต์” ที่ดี จะดีกว่าการทำ SEM ให้กับ Facebook Fanpage หรือบัญชี Social Media อื่นๆนะคะ เพราะสามารถทำอะไรได้ไม่มากเท่ากับการทำผ่านเว็บไซต์ของเราเอง
การทำ Google Marketing สามารถแบ่งใหญ่ๆได้ 2 ทางคือ
- การทำ SEO หรือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เว็บของเราติด Google โดยธรรมชาติ
- การลงโฆษณากับ Google หรือการทำ Google Ads นั่นเอง
การลงโฆษณา Google Ads เป็นสิ่งแรกๆที่เราควรทำเมื่อเราสร้างเว็บไซต์เสร็จ เพราะการทำ SEO นั้นใช้เวลา แต่หากเราเรียนรู้การลงโฆษณากับ Google เราจะสามารถดึงคนเข้าเว็บไซต์และเริ่มธุรกิจของเราได้ทันทีค่ะ เช่น เรา ขายของออนไลน์ เป็นสินค้าเป็นเสื้อผ้าสำหรับคนอ้วน เราจะลงโฆษณากับ Google ด้วยการพิมพ์คำ Keyword ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเราลงไป เมื่อคนเสริชคำต่างๆ เช่น เสื้อคนอ้วน, ชุดเดรสคนอ้วน, เสื้อผ้าสาวอวบ ฯลฯ เว็บไซต์ของเราก็จะปรากฎขึ้นมาเพื่อเสนอสินค้าของเราทันที
โดยเราจะเสียค่าโฆษณาเป็น “คลิ๊ก” (Pay-Per-Click) คือคนคลิ๊ก 1 ครั้ง เราจะเสียค่าโฆษณา 1 ครั้งค่ะ ตามการประมูลคลิ๊กของ Keyword นั้นๆ ว่ามีการแข่งขันสูงมากขนาดไหน
เครื่องมือและทักษะที่ควรมี :
- เว็บไซต์ที่สวยงาม มีข้อมูลธุรกิจครบถ้วนและน่าสนใจ
- การทำ Keyword Research ว่าธุรกิจเราควรใช้ Keyword ไหนทำการตลาด
- ทักษะการยิงโฆษณา Google Ads
3. Google Marketing : SEO
การทำ Google Marketing ยุทธศาสตร์ที่ 2 คือ การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization คือการที่เราปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ของเราให้เป็นที่ชื่นชอบของ Google คือทำตามกฎเกณฑ์ที่ Google วางไว้ในการจัดลำดับเว็บไซต์ล่ะกัน หากเว็บไซต์ของเราทำ SEO ได้ดี เว็บไซต์ของเราจะติดอันดับใน Keyword ที่เราต้องการโดยธรรมชาติ หมายถึง ลูกค้าจะคลิ๊กเข้ามาที่หน้าเว็บเรากี่ครั้ง เราก็ไม่เสียเงิน!
การทำ SEO ควบคู่ไปกับการลงโฆษณา Google Ads จะช่วยลดค่าโฆษณาได้ในระยะยาว จากประสบการณ์การทำธุรกิจส่วนตัวของขวัญเอง การทำ SEO ที่ดี จะช่วยลดค่าโฆษณาได้ทั้งฝั่ง Google Ads และ Facebook Ads ค่ะ
เครื่องมือและทักษะที่ควรมี :
- เว็บไซต์ที่สวยงาม มีข้อมูลธุรกิจครบถ้วนและน่าสนใจ
- การทำ Keyword Research ว่าธุรกิจเราควรใช้ Keyword ไหนทำการตลาด
- ทักษะการทำ SEO ทั้้ง On-Page และ Off-Page (สนใจความรู้เกี่ยวกับ SEO เข้าไปอ่านได้กับผู้เชี่ยวชาญ SEO โดยตรงเลยค่ะที่ “นักรบการตลาดออนไลน์”)
4. Video Marketing
ยุคนี้เป็นยุคของ Video Content นะคะ ทั้งจากสถิติ Youtube ถือเป็น Social Media ที่ติด 1 ใน 3 อันดับที่คนไทยเข้าสูงสุดตลอดเวลา ทั้ง Video ยังเป็นสื่อที่ดูง่ายและตรึงความสนใจของคนดูได้มากกว่าการอ่านข้อความยาวๆนะคะ การทำ Video ที่นำเสนอเรื่องราวของแบรนด์และสินค้าได้ดีจึงถือเป็นกลยุทธ์การตลาดหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้าม
เมื่อเราทำ Video ออกมาเรียบร้อยแล้ว เราสามารถนำไปลงได้หลายช่องทาง เช่น Facebook Videos (ลงกับ Facebook โดยตรงจะได้ผลดีมากที่สุด), Youtube Channel ของแบรนด์, ลง Website ที่หน้าต่างๆ
เครื่องมือและทักษะที่ควรมี :
- คนทำ Video ที่ดี ถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์และสินค้าได้ดี
- ควรเปิดช่อง Youtube Channel เพื่อรวม Videos ของแบรนด์ทั้งหมดไว้ในที่เดียว
- เรียนรู้การทำ SEO ให้กับ Video บน Youtube
5. Influencer Marketing
กลยุทธ์การตลาดที่แบรนด์จ้าง “ผู้ที่มีอิทธิพล” หรือบุคคลที่เป็นที่รู้จักในสังคม เช่น ดารา เนตไอดอล หรือเจ้าของเพจดัง ฯลฯ มาทำการโฆษณาสินค้าหรือบริการของตัวเอง เพราะยุคสมัยนี้ ลูกค้าเชื่อรีวิวหรือความคิดเห็นในโลกออนไลน์มากกว่าแบรนด์พูดเอง ถ้าพูดภาษาง่ายๆก็คือ การว่าจ้างรีวิวนั่นเอง
กระบวนการตัดสินใจของคนในปัจจุบัน ก่อนจะซื้อสินค้า กระบวนการตัดสินใจของเค้าจะนานกว่าการซื้อของที่ Supermarket ทั่วไป คือ คนในยุคนี้จะมี “การหาข้อมูล / การอ่านรีวิว” ก่อนค่ะ
การที่เราสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ไว้ ทั้งเว็บไซต์ธุรกิจที่นำเสนอข้อมูลสินค้าครบถ้วน, Social Media ของแบรนด์ แล้ว การสร้างตัวตนว่า “ถูกพูดถึง” จำนวนมากในโลกอินเตอร์เนต ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าเราได้เร็วขึ้นนะคะ
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ เราต้องเลือกคนที่มีภาพลักษณ์ตรงกับแบรนด์ของเราด้วย ไม่ใช่เลือกใครก็ได้ที่มีผู้ติดตามเยอะๆ และขวัญแนะนำให้ถามเงื่อนไขและแพ็คเกจในการลงรีวิวให้ดีก่อนตกลงค่ะ เช่น ลงอะไรให้บ้าง มีรูปกี่รูป มีผู้ติดตามใน Social Media เท่าไร มีเว็บไซต์หรือไม่ ถ้ามีลงในเว็บไซต์ให้หรือเปล่า ฯลฯ
เครื่องมือและทักษะที่ควรมี :
- รายชื่อ Influencer เช่น ดารา เนตไอดอล ที่มีภาพลักษณ์ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
- รายชื่อ Influencer ที่มีคนติดตามส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
ทั้ง 5 ช่องทาง การตลาดออนไลน์ ที่กล่าวมาถือเป็นช่องทางหลักๆที่ควรรู้จักและพิจารณาลงแผนการตลาดนะคะ ที่เน้นจริงๆว่าควรทำเป็นอย่างน้อยคือ Social Media และ Google Marketing ควรวางแผนให้ดีค่ะ
ช่องทางการตลาดออนไลน์ นอกเหนือจาก 5 ช่องทางที่กล่าวมาก็ยังมีช่องทางอื่นๆอีก เช่น การทำ Email Marketing, Google Display Ads, Online E-Marketplace เป็นต้น แต่ขวัญคิดว่า 5 ช่องทางหลักที่กล่าวมาก็เพียงพอแล้วค่ะ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง
ลองศึกษาและปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองดูนะคะ ลองดูว่าธุรกิจของเรายังขาดการวางแผนกลยุทธ์การตลาดในช่องทางไหนบ้าง และยังขาดเครื่องมือและทักษะอะไรที่จำเป็น
ขวัญเอาใจช่วยนักธุรกิจและนักการตลาดทุกๆท่านค่ะ 🙂