SEM คือช่องทางการตลาดช่องทางหนึ่งที่มีความสำคัญมากในยุคการตลาดดิจิตัล หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้บ่อย ๆ แต่หลายคนก็อาจจะยังมองไม่เห็นความสำคัญที่มีต่อธุรกิจของเรา อาจเพราะยังไม่เข้าใจถึงวิธีการทำงานของ ช่องทางการตลาดประเภทนี้จึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ผู้ประกอบการหรือนักการตลาดส่วนใหญ่จะมีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง คือเรื่องของการเลือกช่องทางการตลาดออนไลน์ให้เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่า การทำการตลาดออนไลน์ คือ การทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook , IG , Twitter , หรือสื่อใหม่ในกระแสอย่าง TikTok เป็นต้น
แต่แท้จริงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งช่องทางการตลาดออนไลน์ที่สำคัญไม่แพ้กัน หรืออาจสำคัญกว่าในบางประเภทธุรกิจ คือ ช่องทางการตลาดที่เรียกว่าSEM (Search Engine Marketing)
หัวข้อ (คลิกเลือกอ่านได้)
ความหมายของ SEM
อยากให้ทุกท่านลองคิดดูแบบนี้ว่า เวลาที่เราต้องการจะซื้อสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่าง เรามักจะค้นหาข้อมูลของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ผ่านคลังข้อมูลออนไลน์ที่เป็นระบบ Search Engine ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ก็คือ Google นั่นเอง เราไม่ได้ไปค้นหาบนโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook หรือ IG ถูกต้องไหมคะ?
การทำSEM กล่าวโดยสรุปก็คือ การทำการตลาดผ่านระบบ Search Engine หรือก็คือ Google นั้นเอง
SEMสำคัญกับธุรกิจอย่างไร?
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าธุรกิจของคุณคือขายกล้องวงจรปิด แน่นอนว่าลูกค้าเวลาจะซื้อกล้องวงจรปิดก็ต้องหาข้อมูลบน Google โดยพิมพ์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับกล้องวงจรปิด อาทิเช่น “กล้องวงจรปิด” “กล้องวงจรปิด คุณภาพดี” “กล้องวงจรปิด ราคาถูก” “กล้องวงจรปิด รีวิว” เป็นต้น
ในฐานะคนขายกล้องวงจรปิด เราก็อยากที่จะให้เว็บไซต์ของเรา หรือ Facebook Fanpage ของเราปรากฎในผลการค้นหาหน้าแรกๆ หรือเป็นลำดับแรกๆ เมื่อมีคนค้นหาคำว่ากล้องวงจรปิด เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและการปิดการขายที่เพิ่มมากขึ้น
SEM มีกี่ประเภท?
SEMแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ มีทั้งแบบที่เราเสียเงินโฆษณาให้กับ Google และแบบที่เรามีการปรับแต่งเว็บไซต์ของเราเองให้ติดอันดับโดยธรรมชาติโดยไม่เสียเงินค่าโฆษณาเลย
ประเภทที่ 1: Pay Per Click
เป็นการโฆษณากับ Google โดยเราจะเสียเงินค่าโฆษณาก็ต่อเมื่อมีลูกค้าคลิ๊กเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา หรือกดข้อความโฆษณาของเรา 1 คลิ๊ก เราก็จะเสียค่าโฆษณา 1 ครั้ง (ครั้งละเท่าไหร่ก็ขึ้นกับจำนวนที่เรากำหนดตอนยิงโฆษณา) จึงเรียกว่า Pay per click นั้นเอง
ซึ่งในการเก็บค่าโฆษณานี้ กรณีที่โฆษณาของเราแสดงผลในหน้าแรกของ Google แต่ไม่มีคนกดคลิ๊ก แบบนี้ Google ก็จะยังไม่คิดค่าโฆษณาของเราค่ะ
วิธีการสังเกตว่าเว็บไซต์ไหนทำโฆษณา ก็มีวิธีดูง่าย ๆ โดยการ search หาสินค้าที่เราต้องการ แล้วดูผลการค้นหาที่ขึ้นมาเป็นลำดับแรก ๆ เว็บไซต์หรือ Facebook แฟนเพจที่มีคำว่า “ADS” หรือ “โฆษณา” อยู่ด้านหน้า ก็คือยิงโฆษณากับ Google นั่นเองค่ะ
สำหรับคนที่สนใจการโฆษณา Google Ads ก็สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่าย ๆ โดยกาารเข้าไปที่ Google Ads ประเทศไทย สมัครใช้งานด้วยอีเมล์ จากนั้นก็สามารถทดลองเข้าไปทำการโฆษณาได้เลยค่ะ
ประเภทที่ 2: SEO
ในการทำการตลาดช่องทางSEMจะมีอีกประเภทหนึ่งที่เราไม่ต้องเสียเงินโฆษณากับ Google เลย ทำได้โดยการปรับแต่งเว็บไซต์ของธุรกิจเราให้ติดอันดับแรก ๆ ของ Google ได้โดยธรรมชาติ ไม่ว่าลูกค้าจะทำการคลิ๊กเข้าไปอ่านข้อความหรือเข้าไปในเว็บไซต์กี่ครั้ง ธุรกิจนั้นก็ไม่เสียเงินค่าโฆษณาเลยค่ะ
ถ้าเราดูจากภาพตัวอย่างผลการค้นหาคำว่า “กล้องวงจรปิด” ด้านบน จะเห็นว่ามีผลการค้นหาที่ไม่ใช่การโฆษณาขึ้นมาเป็นของ Lazada Shopee Powerbuy และ Advice ตามลำดับ ให้สังเกตว่าเว็บไซต์เหล่านี้จะไม่มีคำว่า ADS หรือ โฆษณาอยู่ด้านหน้าเลย นั่นหมายความว่าเว็บไซต์เหล่านี้สามารถติดอันดับ Google ได้โดยธรรมชาติค่ะ
การปรับแต่งเว็บไซต์แบบนี้เองที่เราเรียกกันว่า SEO ซึ่งย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization
การปรับแต่งเว็บไซต์ดังกล่าวนี้ ต้องอิงกับหลักเกณฑ์ ขั้นตอน เทคนิค ที่ Google กำหนดมาตรฐานการให้คะแนนไว้ ซึ่งมีอยู่หลายปัจจัยเลยที่จะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณได้คะแนนสูง
ยกตัวอย่างเช่น การทำเว็บไซต์ให้เป็น Responsive ให้รองรับการเปิดใช้งานด้วยหน้าจอมือถือได้พอดี หรือ การปรับความเร็วของเว็บไซต์ให้โหลดเร็ว ไม่ช้า หรือ การแทรก keyword ของธุรกิจลงไปในแต่ละหน้าของเว็บในความถี่ที่เหมาะสม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายข้อที่สตาร์ทอัพนาวอยากแนะนำให้คุณลองไปศึกษาดู และนำมาปรับแต่งเว็บไซต์ ก็จะทำให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณติดอันดับหน้าแรกหรืออันดับแรกของ Google ขึ้นมาได้ค่ะ
ตามธรรมชาติการซื้อของลูกค้าส่วนใหญ่ ผู้ซื้อจะตัดสินใจเลือกสินค้าหรือบริการที่ต้องการจากเว็บไซต์ที่ปรากฏบนหน้าแรกของ Google มากกว่าเว็บไซต์ที่อยู่บนหน้า 2 หน้า 3 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 5 อันดับแรกที่มักได้รับความสนใจสูงสุดเสมอ ด้วยความคิดที่ว่าน่าเชื่อถือ และ สะดวกสบาย ไม่ต้องค้นหานาน
เพราะฉะนั้นการตลาดบนช่องทางSEM จึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดไม่ควรมองข้าม เพราะถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสู่ความสำเร็จ ที่จะช่วยให้สินค้าของคุณสามารถสร้างยอดขายในโลกออนไลน์ได้อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำการตลาดบนช่องทาง SEM สตาร์ทอัพนาวแนะนำให้คุณเริ่มต้นจากการพิจารณาสินค้า บริการ หรือธุรกิจของคุณดูก่อนนะคะ ว่าเหมาะสมกับช่องทางการตลาดแบบไหน
บางธุรกิจเป็นสินค้าที่ไม่เหมาะเลยในการโฆษณาหรือว่าทำการตลาดผ่าน Social Media แต่เหมาะสมมากในการทำการตลาดบนSEM
ยกตัวอย่างเช่น สินค้าหรือบริการที่ต้องการความน่าเชื่อถือมาก ๆ หรือต้องอาศัยการให้ข้อมูลรายละเอียดมาก ๆ อาทิ กล้องวงจรปิด อุปกรณ์ไอที อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย บริการกำจัดปลวก กำจัดแมลง บริการไล่นกพิราบ แบบนี้เป็นต้น
สินค้าหรือบริการที่ยกตัวอย่างมานี้ ลูกค้าจะทำการค้นหาใน Google แน่นอน เจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดจึงจำเป็นต้องวางแผนการตลาดมุ่งเน้นไปที่ SEM เพราะลูกค้าของเราอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ในโซเชียลมีเดีย
ส่วนที่จะเป็นการยิงโฆษณาแบบ Pay Per Click กับ Google หรือ จะปรับแต่งเว็บไซต์ตามหลัก SEO หรือจะทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไป อันนี้ก็แล้วแต่งบประมาณและแผนการตลาดที่แต่ละธุรกิจต้องพิจารณากันอีกทีค่ะ
Tips & Trick การทำ SEM จากสตาร์ทอัพนาว
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่สตาร์ทอัพ นาว อยากจะฝากไว้ คือ ไม่ว่าคุณจะทำการตลาดSEMแบบไหน จะเสียค่าโฆษณากับ Google แบบ Pay Per Click หรือ จะปรับแต่งเว็บไซต์และเขียนบทความจำนวนมากเพื่อให้ได้คะแนนจาก Google แบบหลัก SEO เจ้าของธุรกิจและนักการตลาดต้องไม่ลืมว่า SEMช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากก็จริง แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณปิดการขายได้สำเร็จ คือ หน้าตาและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ธุรกิจของคุณเอง
ดังนั้น คุณควรเตรียมเว็บไซต์ของธุรกิจให้สวยงาม ดูมีความน่าเชื่อถือ ให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้าหรือบริการได้อย่างครบถ้วน สามารถสื่อสารจุดเด่นของแบรนด์และสินค้าได้อย่างน่าประทับใจด้วย เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณสามารถปิดการขายได้อย่างแน่นอนนั่นเองค่ะ
อย่าลืมติดตามข่าวสาร สาระ เรื่องราวดิจิตอล ฉบับเข้าใจง่ายได้ทุกวันที่ Facebook Fanpage ของ StartUp Now นะคะ คลิกที่นี่
อ่านเรื่องการตลาดดิจิตอลเพิ่มเติม คลิกเลย