SEO ถือว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มีบทบาทอย่างมากในปัจจุบันนะคะ เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของการสร้าง Brand Awareness แล้วยังสามารถช่วยสร้างความน่าเชื้อถือให้ธุรกิจ ช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้ไว รวมถึงช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของเราได้อย่างดีเลยนะคะ
ดังนั้นใครที่อยากให้แบรนด์ของตัวเองเป็นที่รู้จัก อยากให้เว็บไซต์ธุรกิจติดหน้าแรกกูเกิ้ล ให้ลูกค้าเสิร์ชกูเกิ้ลแล้วเจอเว็บไซต์ธุรกิจของเราก่อนเว็บคู่แข่งโดยที่ไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาจำนวนมาก ก็พลาดไม่ได้เลยค่ะกับการทำ SEO ซึ่งบทความนี้ขวัญจะมาเล่าเรื่อง SEO แบบเข้าใจง่าย ๆ ภายใน 5 นาที คนที่ไม่มีพื้นฐานเลยก็เข้าใจนะคะ ตามมาดูในคลิปด้านล่างกันได้เลยค่ะ
หรือถ้าใครอยากค่อย ๆ อ่านทำความเข้าใจ ขวัญก็มีบทความสรุปให้ใต้คลิป เลื่อนอ่านได้เลยค่ะ
หัวข้อ (คลิกเลือกอ่านได้)
SEO คืออะไร? ทำไมคนทำธุรกิจออนไลน์ต้องใช้เทคนิคนี้?
ก่อนหน้าที่จะทำความรู้จักกับSEOหรือ Search Engine Optimization ขวัญอยากให้ทุกคนได้รู้จักกับ SEM เสียก่อนค่ะ
เพราะSEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดที่เรียกว่า SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ที่ทุกธุรกิจต้องห้ามพลาด เพราะ SEM เป็นกลยุทธสำคัญให้ธุรกิจของเราเติบโตและทำ Google Marketing ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สาเหตุที่ขวัญบอกว่า SEM เป็นหัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ยุคใหม่ที่ทุกธุรกิจต้องห้ามพลาดก็เพราะพฤติกรรมและไลฟสไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิงนะคะ จากเดิมที่เวลาเราต้องการจะซื้ออะไรก็ต้องไปซื้อที่ร้าน ไปตามหาแหล่งผลิตเอง ต้องโทรไปถามที่นั่นที่นี่ หรือใช้วิธีสอบถามคนรู้จักเอา ทำให้การตลาดสมัยก่อนเน้นช่องทางการตลาดที่เป็น Mass Media เช่น ทีวี วิทยุ ป้ายโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ คือเน้นให้คนเห็นเยอะ ๆ กับอีกทีก็คือการตลาดแบบธรรมชาติหรือปากต่อปากนั่นเองค่ะ
แต่ปัจจุบันเวลาเราต้องการหาสินค้าหรือบริการอะไรสักอย่าง ขวัญเชื่อว่าเกือบ 100% จะใช้วิธีเสิร์ชหาทาง Google เป็นหลัก ดังนั้นแพลตฟอร์ม Google จึงกลายมาเป็นช่องทางการตลาดสำคัญที่ธุรกิจส่วนใหญ่มุ่งเน้นทำการตลาดหรือที่เรียกกันว่า Google Marketing หรือ Search Engine Marketing (SEM) นั่นเองค่ะ ส่วน SEO ก็คือเทคนิคหรือกลยุทธอย่างหนึ่งในการทำการตลาดแบบ Search Engine Marketing (SEM) อีกทีหนึ่ง
ยกตัวอย่าง สมมติว่าเรากำลังหาบริษัทรับกำจัดปลวก เราก็จะเข้าไปเสิร์ชหาใน Google ว่า ‘รับกำจัดปลวก’ จะเห็นว่าผลการค้นหาจะแสดงขึ้นมาให้เห็นหลากหลายทันทีเลย ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ รูปภาพ สินค้า ซึ่งจากภาพตัวอย่างการค้นหา ให้สังเกตว่าภาพในกรอบด้านบน ผลการค้นหาจะมีคำว่า Ads นำหน้า ผลการค้นหาที่เป็นภาพสินค้าก็อยู่ใต้คำว่า Ads แต่ภาพผลการค้นหาด้านล่างจะไม่มีคำว่า Ads
ความแตกต่างของการมีคำว่า Ads กับไม่มีก็คือ ผลการค้นหาที่มีคำว่า Ads นำหน้าคือบริษัทที่มีการทำซื้อโฆษณาต่างๆ กับ Google ไว้ ส่วนบริษัทที่ไม่มีคำว่า Ads อยู่ข้างหน้าก็คือ ไม่ได้โฆษณากับ Google ไม่ได้เสียค่าโฆษณาใด ๆ เลย แต่ทำการปรับแต่งเว็บไซต์และทำเทคนิคSEOต่างๆ อย่างดี จนกระทั่ง Google ให้คะแนนเว็บไซต์ธุรกิจของบริษัทเหล่านั้นสูงไปเอง จนติดสามารถติดหน้าแรก ติดอันดับแรกของ Google ได้โดยธรรมชาติหรือที่เรียกกันว่า organic
การตลาด SEM ทำได้กี่แบบ?
จากหลักการที่กล่าวไป ขวัญขออธิบายง่ายๆ แบบนี้เลยค่ะว่าการทำการตลาดแบบ SEM จะแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ
- แบบที่ 1 Google Adwords คือ แบบเสียค่าโฆษณายิง Ads กับกูเกิ้ล วิธีการคิดเงินค่าโฆษณาแบบนี้จะคิดตามจำนวนคนที่คลิกผลการค้นหาหน้า Google เพื่อลิงค์มายังหน้าเว็บไซต์ธุรกิจของเรา คนยิ่งคลิกมาก เราก็เสียค่าโฆษณาตามจำนวนจริง
- แบบที่ 2 SEOหรือ Search Engine Optimization คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักการให้คะแนนของ Google เพื่อให้เว็บไซต์ธุรกิจได้คะแนนสูงและสามารถติดอันดับที่ดีในผลการค้นหาของ Google ได้โดยธรรมชาติหรือ organic โดยที่เราไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเพื่อยิงแอดแต่อย่างใด คนที่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา ไม่มีจะคลิกเข้ามา 1,000 คลิกต่อเดือน หรือ 100,000 คลิกต่อเดือน เราก็จะไม่เสียเงินเลยเพราะว่ามันไม่ได้เป็น Traffic จากโฆษณา Google Ads มันเป็น Traffic ที่เราติดโดยธรรมชาตินั่นเอง
ข้อดีของการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO
ข้อดีข้อที่ 1: สร้าง Traffic = สร้าง Awareness
Traffic คือ จำนวนคนที่กดลิงค์จากแหล่งต่างเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ธุรกิจของเราไม่ว่าจะหน้าเว็บเพจใดก็แล้วแต่ การทำ SEO ที่ดี จะสามารถสร้าง Traffic ดึงคนเข้าเว็บไซต์เราได้จำนวนมากในแต่ละเดือน ซึ่งหมายถึง เราสามารถสร้าง Awareness หรือการรับรู้แบรนด์ของเราได้ในวงกว้าง ในแต่ละเดือนจะมีคนรู้จักแบรนด์เราหรือบริษัทเราเพิ่มขึ้น ๆ
ในขณะเดียวกัน ยิ่งมีคนเข้าเว็บไซต์ธุรกิจของเรามากเท่าไหร่ เว็บเราก็จะได้คะแนนความน่าเชื่อถือจาก Google มากยิ่งขึ้นไปอีก ส่งผลให้อันดับในการแสดงผลการค้นหาในคำคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา อันดับก็จะดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกด้วย จนกระทั่งเว็บไซต์เราสามารถไต่อันดับ Google Ranking ได้ขึ้นหน้าแรกหรือติด 5 อันดับแรกของ Google ได้ในที่สุด ก็จะเป็นผลลัพธ์แบบทบทวีคูณ
ซึ่งจากสถิติแล้ว เวลาที่ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าหรือเลือกใช้บริการจากการการค้นหา Google พบว่าบริษัทที่ติดหน้าแรกของผลการค้นหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งติดอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาเช่น 3 – 5 อันดับแรก มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะเลือกซื้อมากกว่าอันดับท้าย ๆ หรืออยู่หน้าหลัง ๆ
ข้อที่ 2: เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง = สร้างฐานลูกค้า
การทำการตลาดด้วยกลยุทธ์ SEO (หรือแม้แต่การยิง Google Ads ก็ตาม) จะมีความแตกต่างจากการยิงโฆษณา Facebook ตรงที่เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของธุรกิจเราได้เลย ซึ่งจะต่างจากหลักการยิงโฆษณา Facebook ในเบื้องต้นที่ต้องเลือกยิงไปตามข้อมูลประชากร ความสนใจ หรือ พฤติกรรม ซึ่งเราต้องวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างหนักหน่วงเสียก่อนเพื่อกรองคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงออกไป อุปสรรคในการปิดการขายก็คือ คนที่มีความสนใจหรือมีพฤติกรรมที่ “น่าจะ” เป็นลูกค้าของเราตามที่ Facebook เก็บข้อมูลและนำส่งโฆษณาของเราไปให้นั้น แท้จริงแล้วอาจจะยังไม่ใช่คนที่พร้อมหรืออยากจะซื้อสินค้าของเราในตอนนี้ก็ได้นะคะ
แต่สำหรับการตลาดแบบ SEM จะแตกต่างออกไปเลยค่ะ มันจะมีประสิทธิภาพอย่างมาก หากเราสามารถเลือกใช้คีย์เวิร์ดของธุรกิจเราได้อย่างถูกต้องในการปรับแต่งเว็บไซต์ การเขียนบทความSEO หรือการยิงโฆษณา Google Adwords โอกาสการเข้าถึงลูกค้าที่แท้จริงจะสูงกว่ามากเป็นหลายเท่า เพราะคนที่เสิร์ชหาสินค้าหรือบริการใด ๆ ก็แล้วแต่ ก็คือคนที่สนใจจริง ๆ และมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อเลยในตอนนี้นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้นะคะ บางธุรกิจก็ไม่เหมาะกับแพลตฟอร์ม Facebook ค่ะ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรกล ผู้ผลิตต่าง ๆ หรือบริการต่างๆ เช่น รับกำจัดปลวกและแมลง ฯลฯ เหล่านี้ใน Facebook ไม่มีความสนใจ (interest) หรือพฤติกรรม (behavior) ใดที่ตรงกับธุรกิจนะคะ ต่อให้เราวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างดีแล้วก็ตามแต่ก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่านั่นคือกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงหรือไม่ อีกอย่างคือกลุ่มคนที่สนใจหรือมีความต้องการในธุรกิจ สินค้า บริการ เหล่านี้ แน่นอนค่ะว่าเสิร์ชหาจาก Google แน่นอน
ดังนั้นขวัญจึงกล้าพูดได้เลยเลยนะคะว่า ในปัจจุบันนี้ เรายังไม่มีช่องทางการตลาดไหนเลยที่จะที่สามารถคัดกรองคนที่ต้องการสินค้าของเราจริง ๆ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของธุรกิจเรา และมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าของเราเลยทันที ได้ดีเท่ากับ Google ค่ะ
ข้อที่ 3: โอกาสปิดการขายสูง = สร้างยอดขาย
จากข้อที่ 2 เมื่อเราสามารถที่จะคัดคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง ที่เขากำลังต้องการสินค้าและบริการของเรา ณ เวลานี้ได้จริง ๆ เรียกว่านำเสนอสินค้าได้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน โอกาสในการปิดการขายก็ย่อมเพิ่มมากยิ่งขึ้นอยู่แล้วนะคะ เท่ากับว่ากลยุทธ์นี้สามารถช่วยในเรื่องการสร้างยอดขายได้อย่างดีเยี่ยมค่ะ
จากที่อธิบายไปจะเห็นว่า Search Engine Optimization หรือSEO มีข้อดี ผลดีกับธุรกิจหลากหลายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ลูกค้ามักจะเสิร์ชสินค้าและบริการของเราผ่าน Google ก็ยิ่งควรที่จะทำ SEO ค่ะ
ทำความรู้จัก SEM ให้มากขึ้น อ่านบทความ “SEM ช่องทางการตลาด คีย์ลัดความสำเร็จที่ทุกธุรกิจไม่ควรมองข้าม”เพิ่มเติมค่ะ
สนใจคอร์สอบรม SEO และ Google Adwords สำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจยุคใหม่ ทัก inbox สอบถามได้ค่ะ STARTUP NOW Facebook Fanpage Messenger
อย่าลืมติดตามข่าวสาร สาระ เรื่องราวดิจิตอล ฉบับเข้าใจง่ายได้ทุกวันที่ Facebook Fanpage ของ StartUp Now นะคะ STARTUP NOW Facebook Fanpage
อ่านเรื่องการตลาดดิจิตอลเพิ่มเติมได้ที่นี่ บทความการตลาดออนไลน์
อยากดูคลิปความรู้ดิจิตอลฉบับเข้าใจง่ายคลิปอื่น ๆ ไปเยี่ยมชมช่อง YouTube ของ StartUp Now กัน